Header Ads Widget

วิธีทำขนมตาล: สูตรขนมไทยโบราณที่หอมหวานนุ่มละมุน

 


ขนมตาลคืออะไร?

ขนมตาลเป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติหวานหอมจากน้ำตาลและลูกตาล เนื้อสัมผัสนุ่มละมุนเป็นพิเศษ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากการหมักแป้งและการนึ่ง ขนมตาลนิยมใช้ในงานบุญ งานเทศกาล และเป็นของฝากที่มีเอกลักษณ์ ด้วยรสชาติที่อร่อยและเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ขนมตาลจึงเป็นที่ชื่นชอบของหลายคน

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมตาล

  1. แป้งข้าวเจ้า - 2 ถ้วยตวง
  2. เนื้อลูกตาลสุก - 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย - 1 ถ้วยตวง
  4. หัวกะทิ - 1 ถ้วยตวง
  5. เกลือป่น - 1/2 ช้อนชา
  6. ผงฟู - 1 ช้อนชา
  7. ใบตอง หรือ ถ้วยตะไล สำหรับนึ่ง
  8. มะพร้าวขูด - 1 ถ้วยตวง (สำหรับโรยหน้า)
  9. น้ำสะอาด - 1 ถ้วยตวง

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  1. หม้อหรือซึ้ง สำหรับนึ่งขนม
  2. ชามผสม สำหรับผสมแป้งและวัตถุดิบ
  3. ไม้พาย สำหรับคนส่วนผสม
  4. กระชอน สำหรับกรองส่วนผสม
  5. มีด หรือ เครื่องตัดขนม สำหรับตัดขนมเป็นชิ้น

ขั้นตอนการทำขนมตาล

  1. เตรียมเนื้อลูกตาล: ปอกเปลือกลูกตาลแล้วนำเนื้อลูกตาลไปบดให้ละเอียด ถ้าใช้ลูกตาลสดควรกรองน้ำและบีบเนื้อให้แห้งก่อน
  2. ผสมแป้ง: ในชามผสมใหญ่ ใส่แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น และผงฟู คนให้เข้ากันดี จากนั้นเติมน้ำสะอาดลงไป ค่อย ๆ คนจนแป้งละลายหมดและเนื้อเนียน
  3. เติมเนื้อลูกตาล: ใส่เนื้อลูกตาลที่บดละเอียดลงในชามผสมแป้ง คนให้เข้ากันดีจนส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
  4. เติมหัวกะทิ: เติมหัวกะทิลงในส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากันดีอีกครั้ง การเติมกะทิจะทำให้ขนมตาลมีความหอมมันและเนื้อสัมผัสนุ่มขึ้น
  5. หมักแป้ง: ปล่อยให้ส่วนผสมแป้งพักหรือหมักไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งฟูขึ้นและมีรสชาติที่ดี
  6. เตรียมถ้วยตะไลหรือใบตอง: ถ้าจะใช้ถ้วยตะไล ให้ทาน้ำมันบาง ๆ ที่ถ้วยเพื่อไม่ให้ขนมติดถ้วย หากใช้ใบตอง ให้ตัดใบตองเป็นชิ้นเล็ก ๆ และพับเป็นรูปถ้วย
  7. เทส่วนผสมแป้งลงในถ้วย: เมื่อแป้งหมักได้ที่แล้ว เทส่วนผสมแป้งลงในถ้วยตะไลหรือใบตองที่เตรียมไว้ เต็มประมาณ 3/4 ของถ้วยเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับขนมฟูขึ้น
  8. นึ่งขนม: ตั้งน้ำให้เดือดในหม้อนึ่ง นำขนมที่เตรียมไว้ไปนึ่งประมาณ 15-20 นาที หรือจนขนมสุกและฟูขึ้น
  9. โรยมะพร้าวขูด: หลังจากขนมตาลสุกและเย็นตัวลง นำออกจากถ้วยแล้วโรยมะพร้าวขูดบนหน้าขนมเพื่อเพิ่มความหอมและเนื้อสัมผัสที่อร่อย

เคล็ดลับในการทำขนมตาล

  1. การเลือกเนื้อลูกตาล: ควรเลือกใช้เนื้อลูกตาลที่สุกงอมและหวาน จะทำให้ขนมมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น
  2. การหมักแป้ง: การหมักแป้งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ขนมฟูและมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล
  3. การนึ่งขนม: ควรนึ่งขนมด้วยไฟแรงและน้ำเดือดจัด เพื่อให้ขนมสุกทั่วถึงและฟูสวย

ประโยชน์ของขนมตาล

  1. แหล่งพลังงาน: ขนมตาลมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่เป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับร่างกาย
  2. ไฟเบอร์สูง: แป้งข้าวเจ้าและเนื้อลูกตาลมีไฟเบอร์ที่ช่วยในระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย
  3. วิตามินและแร่ธาตุ: ลูกตาลมีวิตามิน A, C, และ B รวมถึงแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

บทสรุป

ขนมตาลเป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อยและเนื้อสัมผัสนุ่ม ด้วยการใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายและขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน คุณสามารถทำขนมตาลได้เองที่บ้าน พร้อมทั้งเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในการทำให้มีสีสันสวยงามและรสชาติที่หลากหลาย ขนมตาลไม่เพียงแต่เป็นขนมหวานที่อร่อย แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยการให้พลังงานและไฟเบอร์สูง ลองทำขนมตาลตามสูตรนี้เพื่อเพิ่มความหวานหอมให้กับชีวิตของคุณ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น